วันศุกร์ที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2554

E-Office

โรงเรียนเทศบาล2 พิบูลวิทยาคารได้นำระบบ E-Office เข้ามาใช้ในโรงเรียนเพื่อความสะดวกสบายในการเวียนหนังสือ และการเก็บหนังสือราชการต่างๆ โดยสามารถรับหนังสือได้แม้กระทั้งไม่ได้อยู่ในโรงเรียนซึ่งอำนวยความสะดวกให้กับบุคลากรซึ่งไปราชการหรืออบรมต่างๆ ได้รับรู้ข่าวสารที่ใหม่เสมอ ผมจะมาอธิบายคร่าวๆ กับระบบ E-Office นะครับ

สำนักงานอิเลคทรอนิคส์ (E-Office) คืออะไร?

สำนักงานอิเลคทรอนิคส์ (E-Office) คือ การใช้เทคโนโลยีระบบคอมพิวเตอร์ และ เทคโนโลยีการสื่อสาร เพื่อปฎิบัติงานทั่วไป งานประจำวัน อย่างเช่น การจัดการเอกสาร จดหมายอิเล็คโทนิค การเก็บรักษาและแก้ไขกลุ่มข้อความ กลุ่มรูปภาพ งานทางบัญชี และ อื่น ๆ สำนักงานอิเลคทรอนิคส์ ยังรวมถึงระบบ เครื่อข่ายคอมพิวเตอร์ที่มีโปรแกรมที่สามารถใช้ประโยชน์อื่น ๆ อีกมากมาย

ระบบสำนักงานอิเลคทรอนิคส์ (E-Office) รวมถึง ระบบข้อมูลสำนักงานอัตโนมัติ เป็นระบบที่มีจุดประสงค์หลัก คือ การอำนวยความสะดวกเกี่ยวกับการติดต่อสื่อสาร ระบบเช่นนี้เป็น การนำเครื่องมือ เครื่องใช้ หลาย ๆ อย่าง รวมเข้าด้วยกัน, ใช้งานร่วมกัน, เก็บรักษา, นำไปใช้ และกระจายข้อมูล ระหว่างผู้ร่วมงาน แต่ละคน , ทีมงาน และธุรกิจ นั้น ทั้งภายใน และภายนอกองค์กร ตัวอย่างของเครื่องมือ สำนักงานอิเลคทรอนิคส์ เช่น เวิร์ดโปรเซสซิ่ง, เครื่องพิมพ์แบบตั้งโต๊ะ, อีเมลล์, วอยซ์เมลล์, เครื่องแฟกซ์, มัลติมีเดีย, คอมพิวเตอร์ คอนเฟอร์เรนซิ่ง และ วิดิโอคอนเฟอร์เรนซิ่ง

หลายปีที่ผ่านมา สำนักงานอิเลคทรอนิคส์ (E-Office) ถูกมองว่า มีเพียงหน้าที่แก้ปัญหาในการทำงาน แต่ในปัจจุบัน ระบบที่ช่วยเสริมการติดต่อ สื่อสารในสถานที่ทำงาน ถูกมองว่ามีความสำคัญ และต้องได้รับการจัดการอย่างมีประสิทธิภาพ ในระดับเดียวกับระบบ TPS, MIS และ ISS

สำนักงานอิเลคทรอนิคส์ (E-Office) ในปัจจุบัน ดูเหมือนกับไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นได้จริง ๆ แตกต่างจากสำนักงานที่ใช้เพียงเครื่องจักรกล เมื่อหลายปีก่อน ซึ่งเครื่องพิมพ์ดีด, เครื่องยนต์ กลไล และ ระบบไปรษณีย์ เป็นความหมายหลักของการติดต่อสื่อสาร ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีเรื่องน่าทึ่งที่ยังรอคอยเราอยู่ เรากำลังจะได้เริ่มเห็นบทบาทของ บริษัทเสมือนจริง ซึ่งสามารถทำให้ เราทำงานได้ในทุกแห่ง ปราศจากข้อจำกัดด้านพื้นที่

ข้อมูลจาก http://mfatix.com

วันพฤหัสบดีที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2554

วิทยุ Online

วิทยุออนไลน์คืออะไร

โรงเรียนเทศบาล๒ พิบูลวิทยาคาร ได้จัดทำคลื่อนวิทยุ Online โดยหลายคนไม่ทราบว่ามัน
มีการทำงานอย่างไร มีวิธีทำอย่างไร วันนี้ครูเอ็กซ์จะมาอธิบายให้ฟังนะครับ
(แวะไปฟังจัดรายการด้วยนะที่ http://tb2.pbcity.go.th)



สถานีวิทยุออนไลน์
คือ การให้บริการ Streaming Audio
หรือการแพร่กระจายสัญญาณเสียงผ่านระบบอินเตอร์เน็ต
โดยที่ท่านสามารถจัดผังรายการได้เองตามที่ต้องการ
เพื่อตั้งสถานีวิทยุจัดรายการออนไลน์สด ทั้งพูดคุยและเปิดเพลง
รูปแบบเดียวกับการจัดรายการของสถานีวิทยุปกติ
(แต่เนื้อหาต้องไม่ขัดต่อศีลธรรม ดูแลโดยกระทรวงICT)




อุปกรณ์ที่ท่านจำเป็นต้องมี เพื่อใช้สำหรับเปิดสถานีวิทยุออนไลน์
  • เครื่องคอมพิวเตอร์ สำหรับใช้ในการ เปิดเพลง/จัดรายการ จากที่บ้าน หรือ ที่ทำงาน ของท่าน
    สเปกขั้นต่ำ CPU: Intel Pentium III RAM: 128 MB OS: Windows XP อุปกรณ์เพิ่มเติม: Sound Card, Microphone
  • Modem แบบ Dial-up หรือ ADSL และ Internet Account เพื่อใช้ในการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต
โปรแกรมที่จำเป็นต้องติดตั้งในเครื่องคอมพิวเตอร์ของท่าน
  • โปรแกรม Winapm (โปรแกรมหลัก เพื่อใช้ในการเปิดเพลงออกอากศ)
  • Plug-in SHOUTcast DSP (ปลั๊กอินหลัก จำเป็นอย่างยิ่ง หากไม่ติดตั้งจะไม่สามารถเปิดเพลงออกอากาศได้)
  • ข้อมูล Server IP , Port Number ,Password เพื่อใช้ในการ Connect กับ Multimedia Streaming Server
เพียง 3 ขั้นตอนง่ายๆ ในการเปิดสถานีวิทยุออนไลน์
  1. ทำการเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์ของท่านเข้าสู่เครือข่ายอินเทอร์เน็ต
  2. เปิดโปรแกรม Winamp (ที่ติดตั้ง Plug-in SHOUTcast DSP ไว้เรียบร้อยแล้ว) เพื่อทำหน้าที่เป็น DJ
  3. เปิดเพลง/จัดรายการ ตามที่ท่านต้องการ

วันพุธที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2554

Cent OS กับการพัฒนาระบบ

CentOS กับการพัฒนาระบบ Network
โรงเรียนเทศบาล๒ พิบูลวิทยาคาร ได้พัฒนาระบบ Network เครือข่ายภายใน ให้เป็นไปตามกฎหมาย พรบ.51 ว่าด้วยการใช้คอมพิวเตอร์ ให้มีการเก็บประวัติผู้ใช้งานคอมพิวเตอร์ การใช้อินเตอร์เน็ต รวมไปถึงการจำกัดสิทธิการใช้งานต่างๆ ซึ่งต่างจาก หน่วยงานทั่วไปที่ปล่อยสัญญาณ Wifi หรือ การใช้อินเตอร์เน็ต โดยต่อจาก Hardware โดยตรง ซึ่งไม่ถูกต้องตามกฎหมาย พรบ.ปี 51 ว่าด้วยการใช้คอมพิวเตอร์ ทางโรงเรียนเทศบาล๒ พิบูลวิทยาคารได้นำ ระบบปฏิบัติการ CentOS มาใช้ในการพัฒนาระบบ Network โดยผมจะอธิบายคร่าวๆ ก่อนนะครับ สงสัยหรือสนใจกรุณาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นที่ บอร์ด โรงเรียนเทศบาล๒ พิบูลวิทยาคารได้ครับ http://tb2.pbcity.go.th



CentOs
CentOS
ย่อมาจาก Community Enterprise Operating System เป็นลีนุกซ์ที่พัฒนามาจากต้นฉบับ RedHat Enterprise Linux (RHEL) โดยที่ CentOS ได้นำเอาซอร์สโค้ดต้นฉบับของ RedHat มาทำการคอมไพล์ใหม่โดยการพัฒนายังเน้นพัฒนาเป็นซอฟต์แวร์ Open Source ที่ถือลิขสิทธิ์แบบ GNU General Public License ในปัจจุบัน CentOS Linux ถูกนำมาใช้ในการทำ Web Hosting กันอย่างกว้างขวางเนื่องจากเป็นระบบปฏิบัติการที่มีต้นแบบจาก RedHat ที่มีความแข็งแกร่งสูง (ปัจจุบันเน้นพัฒนาในเชิงการค้า) การติดตั้งแพ็กเกจย่อยภายในสามารถใช้ได้ทั้ง RPM, TAR, APT หรือใช้คำสั่ง YUM ในการอัปเดทซอฟต์แวร์แบบอัตโนมัติ สามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ www.centos.org

แพ็กเกจยอดนิยมสำหรับใช้งานบนระบบ CentOS

สำหรับในแผ่น CD ของ CentOS มีแพ็กเกจที่สามารถนำมาติดตั้งใช้งานได้ทันทีจำนวนมาก โดยสามารถนำมาติดตั้งใช้งานได้ทันที สำหรับแพ็กเกจที่ไม่มีอยู่ในแผ่น CD สามารถเข้าไปดาวน์โหลดได้ที่เว็บไซต์ www.Rpmfind.net หรือ www.freshrpms.net คิดว่าคงเพียงพอต่อการใช้งาน

จะหาดาวน์โหลดตัวติดตั้ง CentOS ได้ที่ไหน ?

สำหรับตัวติดตั้ง CentOS ผู้อ่านสามารถดาวน์โหลดตัวติดตั้งแบบ image file แล้วมาทำการเขียนแผ่น CD/DVD ใช้งานเอง แนะนำให้ไปดาวน์โหลดจากเว็บไซต์ http://isoredirect.centos.org/centos/5/isos/i386/

วันอังคารที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2554

CMS กับการพัฒนาเว็บไซต์

CMS
มีหลายคนสงสัยว่า CMS คืออะไร วันนี้ผมจะมาอธิบายการทำงานของ เพราะทางโรงเรียนเทศบาล๒ พิบูวิทยาคารได้ใช้ CMS มาใช้ในการพัฒนาเว็บไซต์ ซึ่งปัจจุบันมีการนำ CMS มาใช้อย่างแพร่หลาย




CMS คืออะไร

CMS ย่อมาจาก Content Management System เป็นระบบที่นำมาช่วยในการสร้างและบริหารเว็บไซต์แบบสำเร็จรูป โดยในการใช้งาน CMS นั้นผู้ใช้งานแทบไม่ต้องมีความรู้ในด้านการเขียนโปรแกรม ก็สามารถสร้างเว็บไซต์ได้ ตัวของ CMS เองจะมีโปรแกรมแถมมาและสามารถแทรกเองได้มากมายเช่น webboard , ระบบจัดการป้ายโฆษณา , ระบบนับจำนวนผู้ชม แม้แต่กระทั่งตระกร้าสินค้า และอื่นๆอีกมากมาย

CMS เป็นเหมือนโปรแกรม โปรแกรมหนึ่ง ที่มีผู้พัฒนามาจากภาษาคอมพิวเตอร์ที่ใช้ในเว็บไซต์เช่น PHP , Python , ASP , JSP ซึ่งในปัจจุบันมีคนใจดีพัฒนา CMS ฟรีขึ้นมามากมายอย่างเช่น Mambo , Joomla , Wordpress

แน่นอนว่าผู้พัฒนาระบบ CMS ฟรี ที่กล่าวมาข้างต้นนั้นล้วนเป็นมืออาชีพที่มีฝีมือในเรื่องของ เว็บไซต์เป็นอย่างยิ่ง ทั้งการเขียนโปรแกรมที่รัดกุม การออกแบบเนวิเกชั่นที่ดี ทำให้ภาพรวมของเว็บไซต์ที่ใช้ CMS นั้นออกมาในแนวมืออาชีพอย่างมาก

ข้อดีของ CMS

1.ผู้ใช้งานไม่จำเป็นต้องมีความรู้เรื่องการทำเว็บไซต์ เพียงแค่เคยพิมพ์ หรือเคยโพสข้อความในอินเทอร์เนต ก็สามารถมีเว็บไซต์เป็นของตัวเองได้

2.ไม่เสียเวลาในการพัฒนาเว็บไซต์ ไม่เสียเงินจำนวนมาก

3.ง่ายต่อการดูแล เพราะมีระบบจัดการทุกอย่างให้เราหมด

4.มีระบบจัดการที่เราสามารถหามาใส่เพิ่มได้มากมาย อย่างเช่น ระบบแกลลอรี่

5.สามารถเปลี่ยนหน้าตาเว็บไซต์ได้ง่ายๆ เพียงแค่โหลดทีม (Theme) ของ CMS นั้นๆ

ข้อเสียของ CMS

1.ในกรณีที่ผู้ใช้ต้องการออกแบบทีม (หน้าตาของเว็บ) เอง จะต้องใช้ความรู้มากกว่าปรกติ เนื้องจาก CMS มีหลายๆระบบมารวมกันทำให้เกิดความยุ่งยาก สำหรับผู้ที่ไม่มีความรู้

2.ผู้ใช้จะต้องศึกษาระบบ CMS ที่ผู้พัฒนาสร้างขึ้นมา เช่นจะต้องใส่ข้อความลงตรงไหน จะต้องแทรกภาพอย่างไร ซึ่งจะลำบากเพียงแค่ช่วงแรกเท่านั้น

3.ในการใช้งานจริงนั้นจะมีความยุ่งยากในการ set up ครั้งแรกกับ web server แต่ปัจจุบันก็มีผู้บริการ web server มากมายที่เสนอลงและ set up ระบบ CMS ให้ฟรีๆโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย

เมื่อรวมๆข้อดีและข้อเสียดูแล้ว ก็ยังเห็นได้ว่า CMS นั้นก็เป็นระบบที่น่าใช้งานอยู่ดี

แนะนำ CMS

- Mambo CMS ตัวนี้มีผู้ใช้งานมากมายทั้งในหน่วยงานของรัฐ และผู้คนทั่วไป ทำให้มีคนให้เราสามารถปรึกษาได้มาก รวมถึงตัวระบบเองก็ใช้งานได้ง่าย และมีผู้พัฒนาอยู่ตลอดเวลา มีเว็บไซต์ภาษาไทยรองรับสำหรับผู้ที่ต้องการศึกษาและใช้งาน เช่น http://www.mambohub.com

วันจันทร์ที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2554

Wifi Hotspot คือ อะไร ?

ทางโรงเรียนเทศบาล 2 พิบูลวิทยาคาร ได้จัดทำ ระบบ Wifi Hotspot ซึ่งหลายคนอาจจะไม่ทราบว่ามันคืออะไร มีการทำงานอย่างไร เดี๋ยววันนี้ผมจะมาอธิบายคร่าว การทำงานและประโยชน์ของระบบ Wifi Hot spot






Wifi Hot Spot

นับวันเทคโนโลยีต่างๆได้เริ่มเข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันมากขึ้นเรื่อยๆ รวมไปถึงเทคโนโลยี Wi-Fi ไม่ว่าจะเป็นการใช้งานตามบ้าน ที่ทำงานหรือแม้แต่ตามสถานที่ทั่วไป เช่น โรงแรม, สนามบิน , โรงพยาบาล , ศูนย์การค้า ,รีสอร์ท , คอฟฟี่ช๊อป ฯลฯ สังเกตได้จากอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์ต่อพ่วงต่างๆ ได้พากันทยอยออกผลิตภัณฑ์ที่รองรับกับเทคโนโลยีไร้สายนานาชนิด คาดการณ์กันว่า ในอนาคตอันใกล้นี้เทคโนโลยีการเชื่อมต่อจากเครื่องลูกข่ายเพื่อเข้าระบบเน็ตเวิร์กแบบมีสาย จะถูกแทนที่ด้วยเทคโนโลยีไร้สายอย่างแน่นอน เนื่องจากมีความสะดวกสบาย

ความคล่องตัวในการใช้งานสูงง่ายในการติดตั้งโดยไม่ต้องลากสายให้เกะกะ สามารถใช้งานได้ทุกที่เหมาะกับการนำมา ใช้ในชีวิตประจําวัน ที่ไม่ต้องต่อสายให้ยุ่งอยากอีกทั้งอุปกรณ์ที่ใช้งานก็เริ่มถูกลงมาเรื่อยๆ เทคโนโลยี Wi-Fi กําลังเป็นที่นิยมมากขึ้นเรื่อยๆ

ก่อนจะเข้าเรื่อง Hotspot เรามาดู กันก่อนว่า Wi-Fi คืออะไร และเทคโนโลยีนี้จะช่วยทำให้ชีวิตของคุณสะดวกสบายและง่ายขึ้นได้อย่างไร

Wi-F(WirelessFidelity) เป็นคำติดปากที่คนนิยมเรียกกัน หรือก็คือ WirelessLAN นั่นเอง เป็นการสื่อสารด้วยระบบไร้สาย บนเทคโนโลยี IEEE802.11 โดยที่จะทำงานภายใต้คลื่นวิทยุ2.4GHz ซึ่งอุปกรณ์ทุกตัวซึ่งต่างยี่ห้อกันนั้นมันสามารถติดต่อสื่อสารกันได้โดยไม่มีปัญหา ภายใต้มาตรฐานเดียวกัน โดยจะมีการออกเป็นWIFIcertified ซึ่งเป็นอันรู้กันว่าอุปกรณ์ชิ้นนั้นสามารถติดต่อสื่อสารกับอุปกรณ์ตัวอื่นที่มีตรา WIFIcertified นี้ได้เช่นกัน ซึ่งในปัจจุบันเทคโนโลยีดังกล่าวได้ออกมา 3 ความเร็วด้วยกันคือ

- 802.1a ทำงานด้วยความถี่ 5 GHz ที่อัตราความเร็วข้อมูล 54 Mbps (แต่ไม่นิยมใช้งานในประเทศไทย )
- 802.1b ทำงานด้วยความถี่ 2.4 GHz ทึ่ความเร็ว 11 Mbps
- 802.1g ทำงานด้วยความถี่ 2.4 GHz ทึ่ความเร็ว 54 Mbps

ในยุคสมัยนี้การที่เราจะเล่น อินเตอร์เน็ตขณะอยู่นอกบ้านนั้นเราสามารถทำได้หลากหลายรูปแบบ ที่สามารถต่อเข้ากับเน็ทเวิร์คหรืออินเตอร์เน็ทความเร็วสูงได้ โดยไม่ต้องใช่สายโทรศัพท์หรืออุปกรณ์ใดๆ ให้ยุ่งยาก ซึ่งที่ผมจะกล่าวถึงต่อไปนี้คือ Hotspot เป็นเทรนใหม่ที่กำลังมาแรงสุดๆในขณะนี้ เราสามารถยก office ไปนั่งทำงานตามร้านกาแฟ,โรงแรม, ห้องอาหารหรูๆได้อย่างสบายๆ เพราะข้อมูลงานต่างๆของเรานั้นก็เก็บไว้ใน Notebook ของเราอยู่แล้ว แบบประมาณว่าจัดประชุมนัดลูกค้ามาคุยกันนอกสถานที่เลยก็ได้ คราวนี้มาดูกันว่า Hot spot มันมาเกี่ยวโยงกับ Wi-Fi ได้อย่างไร

Hotspot คือ บริการอินเตอร์เน็ตไร้สายแบบสาธารณะความเร็วสูง ด้วยเทคโนโลยีของ Wireless LAN หรือ ซึ่งในปัจจุบันก็มีให้บริการกันมากขึ้นเรื่อยตามแหล่งธุรกิจ อาทิ สนามบิน โรงแรม ร้านอาคาร ศูนย์การค้า โรงพยาบาล และ อาคารสำนักงาน โดยใช้เทคโนโลยีบรอดแบนด์ผสมผสานกับเทคโนโลยีไรสาย (WI-FI ) ทำให้คุณออนไลน์ได้ทุกที่ , รับส่งอีเมล์ , ดาวน์โหลดข้อมูล หรือติดต่อธุรกิจกับใครๆได้อย่างสะดวกสบายในสถานที่ที่บริการ Hot Spot แต่ Hot Spot ในบ้านเรายังค่อนข้างใหม่ ทำให้อัตราค่าบริการยังค่อนข้างสูงมากทีเดียว จุดให้บริการก็เริ่มทยอยเปิดกัน ซึ่งในอนาคตอันใกล้นี้ค่าบริการจะก็ถูกลงด้วยสาเหตุจากการแข่งขันด้านราคากันอย่างหลีกไม่พ้น

อุปกรณ์ที่รองรับเทคโนโลยี Wi-Fi เช่น คอมพิวเตอร์ Laptops หรือ PDA สามารถรับส่งข้อมูลผ่านเครือข่ายไร้สายได้จากจุดบริการที่มีการติดตั้ง Hotspot ก็สามารถใช้บริการอินเตอร์เน็ตไร้สายความเร็วสูงได้ทันที ช่วยให้ผู้ใช้สามารถรับ/ ส่งข้อมูลต่างๆ ทางธุรกิจได้อย่างรวดเร็ว ทุกที่ ทุกเวลา โดยไม่พลาดโอกาสในการแข่งขันทางธุรกิจ และข่าวสารจากทั่วทุกมุมโลก

ข้อดีของระบบ WLAN และ Hotspot
o ติดตั้งง่ายทำให้สะดวกและลดภาระการเดินสาย
o ลดความยุ่งยาก และเหมาะกับบริเวณที่มีสถานที่ไม่กว้างนักและไม่เหมาะต่อการเดินสาย สามารถปรับเปลี่ยนหรือขยายได้ตามความเหมาะสมในการใช้งาน
o ติดตั้งง่ายทำให้สะดวกและลดภาระการเดินสาย
o ลดค่าใช้จ่ายด้านการวางเครือข่าย
o ทำงานร่วมกับอุปกรณ์อื่นๆ ได้เป็นอย่างดี อาทิ โน้ตบุ๊ค พีซี และพีดีเอ

ประโยชน์ของ Hotspot
o มีความสะดวกสบาย ความคล่องตัวในการใช้งานสูง
o รับส่งอีเมล์ , ดาวน์โหลดข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว ทำให้การทำงานเป็นไปอย่างต่อเนื่อง
o ไม่พลาดโอกาสในการแข่งขันทางธุรกิจ และข่าวสารจากทั่วทุกมุมโลก
o ผู้ใช้สามารถรับ/ ส่งข้อมูลต่างๆ ทางธุรกิจได้อย่างรวดเร็ว ทุกที่ ทุกเวลา
o สามรถกำหนดค่าบริการได้ทั้งแบบ PRE-PAID และ แบบ POST-PAID ( จ่ายก่อนใช้งาน) , ซึ่งอาจจะคิดเป็นราคาต่อนาที , ต่อชั่วโมง หรือเหมาจ่ายเป็นรายวันก็ได้ หรือการคิดค่าบริการแบบ POST-PAID คือการเล่นก่อนจ่ายทีหลัง(ซึ่งจะเหมาะสำหรับผู้เช่าพักตามโรงแรม หรือเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์)

เมื่อนำไปใช้กับสถานประกอบการ

o เพิ่มคุณภาพและการบริการที่ดี อาทิเช่น โรงแรม หรือ ร้านคอฟฟี่ชอฟ ทำให้ดึงดูดมีลูกค้ามาใช้บริการมากขึ้น
o มูลค่าของค่าเช่าเพิ่มขึ้น ทำให้อาคารของคุณได้เปรียบคู่แข่งอื่น ๆ
o เพื่อจูงใจให้ลูกค้ามาใช้บริการมากยิ่งขึ้น เนื่องจากกรให้บริการที่ทันสมัย
o มีรายได้จากการให้บริการ ซึ่งเป็นการช่วยสร้างรายได้ให้เพิ่มขึ้นอีกทาง

อ้างอิง: http://www.navy35.com/knowledge-id1.html